คุณกำลังสับสนระหว่าง ผิวแพ้ง่าย และ ผิวระคายเคืองง่ายอยู่รึเปล่า ลองอ่านบทความนี้ดูค่ะ
คัดลอกมาจากบทความของฟาร์มาบิวตี้แคร์ และเวบบลอกของ blogger ชื่อดัง คุณ Pupe So Sweet
เป็นคำอธิบายเรื่องผิวแพ้และระคายเคืองที่ดีมากๆ ลองอ่านกันดูนะคะ
คนส่วนใหญ่มักคิดว่าเมื่อเกิดการแสบ คัน หรือแดง หรือความผิดปกติจากการใช้เครื่องสำอางจะเป็นการแพ้ไปทั้งหมดซึ่งในความจริง แล้วเมื่อเกิดอาการดังกล่าว ส่วนใหญ่มากกว่า 80-90 % จะเป็นการระคายเคือง ที่เหลืออีก 10-20% เท่านั้นที่เป็นการแพ้จริงๆ
อาการผิดปกติจากการใช้เครื่องสำอางมี 2 ประเภทหลักๆ คือ
1. การระคายเคือง ในทางการแพทย์ใช้คำว่า Irritant contact dermatitis : พบได้ 80-90% และมักเกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ที่ใช้ ไม่ใช่เฉพาะเราคนเดียว อาการนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อผิวสัมผัสกับสารหรือสภาวะที่ก่อให้เกิดการระคาย เคือง เช่น สภาวะความเป็นกรด/ด่างมากเกินไป ร้อน/เย็นเกินไป ใช้สารเคมีหรือเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวแห้ง มีส่วนผสมสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองได้ง่ายเป็นปริมาณมากหรือใช้ติดต่อ กันเป็นเวลานาน อาการแสดงของการระคายเคือง เช่น มีผื่น แดง และถ้ารุนแรงก็เป็นตุ่มน้ำได้ โดยอาการผิดปกตินี้จะเกิดขึ้นบนบริเวณที่ทาเท่านั้น ไม่ลามไปส่วนอื่นการระคายเคือง ขึ้นกับ
– ความแข็งแรงและสมบูรณ์ของผิวตอนนั้น : คนที่มีผิวแห้ง ลอก ผิวชั้นนอกขาดความสมบูรณ์ เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ กัดหน้ามาตลอด มีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายกว่าคนทั่วไป- ปริมาณที่ใช้ : ทามาก ระคายเคืองมาก ทาน้อย ระคายเคืองน้อย หยุดใช้อาการก็หายไป
– ระยะเวลาที่ใช้ : ใช้ติดต่อกันนานมาก แรกๆไม่ระคายเคือง ใช่ต่อสักพัก ก็สะสมและระคายได้
– การดูแลผิวที่ไม่ถูกต้อง : แรกๆใช้ไม่เป็นไร ต่อมาไปทำ laser ไปตากแดด ไม่ทากันแดด หรือไปทำอะไรก็แล้วแต่ให้ผิวชั้นนอกขาดความสมบูรณ์ ก็ทำให้ระคายเคืองได้
2. การแพ้ ในทางการแพทย์ใช้คำว่า Allergic contact dermatitis : พบได้ 10-20% (พบได้น้อยกว่าอาการระคายเคือง) การแพ้เป็นปฏิกิริยาส่วนบุคคล ผิวของแต่ละคนก็แพ้สารแตกต่างกันไป การจะรู้ว่าตนนั้นแพ้สารเคมีตัวไหน ต้องทำการทดสอบในห้องแลบของ รพ. เรียกว่าการทำ patch test คำถามที่ว่า ครีมนี้หนูใช้ได้มั๊ย ใช้แล้วจะแพ้มั๊ย ไม่มีใครตอบได้ หมอที่เก่งที่สุดในโลกก็ตอบไม่ได้คะ นอกจากจะลองใช้และลองแพ้ดูสักครั้ง การไปทำ patch test เพื่อเทสต์หาสารที่แพ้ก่อนเป็นเรื่องที่ดี จากนั้นก็ค่อยมาเลือกเครื่องสำอางว่ามีสารที่แพ้ผสมอยู่มั๊ย ถ้าไม่มีก็ใช้ได้ แต่ถ้ามีก็ไม่ต้องซื้อ กันไว้ดีกว่าแก้
*** patch test คือ การทดสอบการแพ้ที่ผิวหนังบริเวณแผ่นหลัง ซึ่งผลทดสอบนี้สามาถใช้อธิบายการแพ้กับผิวหนังทุกส่วนของร่างกาย หมายความว่า ถ้าทำ patch test ที่หลังแล้วพบว่าเราแพ้สาร A ถ้าเอาสาร A ไปทาที่หน้า ขา แขน หรือส่วนอื่นของร่างกาย ก็จะเกิดอาการแพ้เช่นกัน ***
>> ข้อควรจำ !!!!
1. ถ้าเราแพ้ ไม่ว่าจะทาผลิตภัณฑ์บนส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ก็จะเกิดอาการ ผื่น บวม แดง คันเหมือนกันหมด !! ข้อนี้เป็นความแตกต่างจากการระคายเคืองที่ชัดเจน อย่างที่ได้บอกไปว่าการระคายเคืองนั้นขึ้นกับความแข็งแรงและความสมบูรณ์ของ ผิวหนัง บางคนกัดหน้า ใช้ยารักษาสิวมาตลอด พอมาทาครีมก็เกิดอาการระคายเคืองได้ แต่พอเอาครีมนั้นไปทาท้องแขน ทาขา ทาแผ่นหลัง กลับไม่เป็นไรเลย
2. ผิวจะแข็งแรงสมบูรณ์หรือบางอ่อนแอ ก็แพ้ได้เหมือนกัน !! การแพ้ไม่ได้ขึ้นกับว่าคุณจะมีผิวแข็งแรงหรือบางอ่อนแอ แต่คนที่ผิวบางอ่อนแอและกำลังเกิดการระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์บางอย่าง กลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการแพ้ได้ง่ายขึ้น (เรียกว่าเจ็บหนัก 2 เท่า)
3. แค่ความเข้มข้นน้อยๆก็แพ้ได้ !! ไม่ต้องทาเยอะ ไม่ได้ทาเยอะ ทาบางๆก็แพ้ เพียงความเข้มข้นต่ำๆก็สามารถกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันสร้างแอนติบอดีต่อต้านได้
อาการแพ้ ที่สังเกตเห็นได้ชัดที่สุด คือ ผื่นแดง คัน บางคนอาจพัฒนาเป็นสิวและลุกลาม ควรแยกการแพ้และการระคายเคืองให้ออก แม้จะเป็นอะไรที่แยกยาก เพราะอาการใกล้เคียงกันมาก แต่ก็อยากให้พยายามแยกให้ได้ โดยหาเหตุผล เชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างเวลาที่ใช้กับอาการที่เกิดขึ้น จะได้ป้องกันตัวเองได้ถูกและไม่เป็นการปิดโอกาสตัวเองที่จะได้ใช้สกินแคร์ ตัวอื่น เคยเจอหลายคนบอกว่าตัวเองแพ้วิตามินซี อะไรที่ผสมวิตามินซี ใช้ไม่ได้เลย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว แพ้ส่วนผสมอื่นที่อยู่ในสูตรมากกว่า